Overseas Chinese History Museum

『Yan Ruimin(兖瑞敏,38岁) Ma Yanqing(马延庆,32岁,安徽) 2024.7.14』
副警务处长紧急对“YAN女士”事件进行尸检,确认并非勒索赎金。目标通奸,谋杀和抢劫
至于死者和中国男性嫌疑人,从证据来看,两人曾约在素坤逸路见面。 双方自愿互相帮忙拎包并上车,而且照片中还清晰地显示,两人已经停好车,并牵着手下车去Khlong Toei Market买东西,相信两人之前就约好认识.
警察少将诺帕辛进一步表示,对于微信中提到勒索赎金的部分,警方已经询问了YAN女士的亲属,看来这是YAN女士的朋友和家人之间的误会。
因此,调查的重点显然是,Yan女士认识该中国男性犯罪嫌疑人,并自愿同伙。因此,警方推测的只剩下两个问题:外遇和对财产的渴望。

รองผบช.น. เร่งชันสูตรปม “สาวจีน” ยันไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ มุ่งเป้าชู้สาว-ฆ่าชิงทรัพย์

จากกรณีที่มีชาวจีนเข้าแจ้งความที่ สน.บางรัก ว่า MS.YAN อายุ 38 ปี เพื่อนนักศึกษาชาวจีน หายตัวไป โดยครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันคือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดย MS.YAN บอกว่าจะเดินทางไป จ.ภูเก็ต ในวันที่ 2 ก.ค. ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ช่วยตามหา ภายหลังตำรวจได้ลงพื้นที่เร่งก่อนพบชิ้นส่วนมนุษย์ในป่าข้างทาง จ.ฉะเชิงเทรา สันนิษฐานเป็นหญิงชาวจีนที่หายตัวไป

ล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางญาติชาวจีนของ MS.YAN พร้อมกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ได้เดินทางมายังสน.บางรัก ขอหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายชายชาวจีน โดยทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจ DNA เปรียบเทียบจากทางโรงพยาบาลตำรวจอย่างละเอียด เนื่องจากสภาพร่างที่พบอยู่ในลักษณะเน่าเปื่อย ไม่สามารถตรวจได้จากชิ้นเนื้อ จึงต้องตรวจจากโครงกระดูกที่พบและนำมาเปรียบเทียบกับ DNA ของบิดาของ MS.YAN

ทั้งนี้ในส่วนของผู้เสียชีวิต และ ผู้ต้องสงสัยชายชาวจีนนั้นจากพยานหลักฐานพบว่า ทั้ง 2 คนมีการนัดหมายเพื่อเจอกันที่ สุขุมวิท 12 ก่อนที่จะช่วยกันยกกระเป๋าและขึ้นรถไปด้วยความสมัครใจโดยไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายแต่อย่างใด และภาพยังปรากฏชัดเจนอีกว่าทั้ง 2 คนได้จอดรถและลงจากรถจับมือกันไปซื้อของที่ตลาดนัดคลองเตย ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 2 คนนัดรู้จักกันมาก่อนและไปด้วยกันด้วยความสมัครใจ

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของวีแชตที่มีการกล่าวถึงการอุ้มรีดค่าไถ่นั้นทางตำรวจได้มีการสอบปากคำญาติของ MS.YAN แล้ว ปรากฏว่าเป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนระหว่างเพื่อนของ MS.YAN ซึ่งเป็นผู้แจ้งและกับทางครอบครัว

เนื่องจากว่า MS.YAN ได้หายตัวไปเป็นระยะเวลาหลายวัน เพื่อนผู้แจ้งเชื่อว่าน่าจะโดนลักพาตัวเกรงว่าจะตกอยู่ในอันตราย จึงได้ติดต่อไปทางครอบครัวของ MS.YAN โดยสื่อสารว่าถูกอุ้มไปรีดค่าไถ่ ทางญาติจึงสอบถามว่าแล้วต้องทำอย่างไร เพื่อนผู้แจ้งจึงบอกเพียงแค่ว่าให้เตรียมเงินมา 1 ล้านหยวนไว้ก่อน ทั้งนี้ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าไม่ได้มีการอุ้มรีดค่าไถ่จากคนร้ายตามที่เพื่อนผู้แจ้งเข้าใจผิดแต่อย่างใด

ดังนั้นประเด็นในการสืบสวนชัดเจนว่า MS.YAN รู้จักกับผู้ต้องสงสัยชายชาวจีนและมีการสมัครใจในการไปด้วยกัน จึงเหลือเพียง 2 ประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานคือ เรื่องชู้สาว และ ประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และ ขอหมายแดงเพื่อทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดพบว่าคดีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ หรือ การอุ้มรีดค่าไถ่แต่อย่างใด แต่มุ่งเน้นในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีมาตรการป้องกัน คัดกรอง บุคคลต่างชาติเข้าประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยมีตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย และประสานงานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ที่ถือเป็นด่านแรกที่คนร้ายจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย

ขณะที่ สน.บางรัก ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ พ่อของสาวชาวจีน พร้อมเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจีน เดินทางมาเพื่อเข้าพบกับพันตำรวจเอกจิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และพันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการ สน.บางรัก เพื่อขอทราบรายละเอียดและแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

โดยพันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ ระบุว่า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังยื่นคำร้องขอให้ทางตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดีและทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดนายชิงเหยียน ชายชาวจีน ผู้ต้องสงสัย ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ใบแจ้งความกับตำรวจจีนแล้ว แต่ตำรวจจีนยังไม่รับแจ้งความ

ดังนั้นหลังจากที่ตำรวจไทยพิสูจน์ทราบยืนยันดีเอ็นเอผู้เสียชีวิตได้แน่นอนแล้ว ก็จะออกหมายจับผู้ต้องสงสัย และทำหนังสือรายงานเป็นหลักฐานไปยังสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย จากนั้นสถานเอกอัครราชทูตจีน ก็จะประสานกับตำรวจจีนว่าจะทำการสอบสวนเองหรือไม่ หรือจะช่วยจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับมาดำเนินคดีในไทยก็ได้ ตาม MOU ที่ได้มีการลงนามกันไว้

เบื้องต้นเชื่อว่าญาติประสงค์ให้ทางการจีนดำเนินการมากกว่า เพราะทางครอบครัวสะดวกและอาจเพราะกฎหมายจีนมีโทษที่รุนแรง โทษหนักกว่ากฎหมายไทยด้วยส่วนหนึ่ง โดยโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต

หลังจากหารือพูดคุยร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตจีนแล้ว พนักงานสอบสวนได้ขอสอบปากคำครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย โดยจะขอสอบปากคำในประเด็นว่าเคยเห็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ หรือทราบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องสงสัยกับผู้เสียชีวิตหรือไม่ ตลอดจนประเด็นเรื่องประกันชีวิตและการได้รับผลประโยชน์

เบื้องต้นครอบครัวยืนยันว่าไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยมาก่อน และ ผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้แจ้งกับครอบครัว ว่าเดินทางมาไทยด้วยวัตถุประสงค์ใด เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ค่อยดี ส่วนตัวผู้ต้องสงสัยก็เดินทางมาจากสิงคโปร์ จึงไม่ทราบว่าเป็นแฟนกันหรือไม่ และยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก

พนักงานสอบสวนยังคงให้น้ำหนักแรงจูงใจในการก่อเหตุ เป็นเรื่องความขัดแย้งเชิงชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนการเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นยังเป็นเพียงเรื่องที่เพื่อนผู้เสียชีวิตคิดเผื่อสถานการณ์ไว้ให้ครอบครัวเตรียมพร้อม หลังผู้เสียชีวิตหายตัวไปเท่านั้น ยังไม่พบหลักฐานการเรียกค่าไถ่จริงๆ และจะรอสอบปากคำพี่เขยของผู้เสียชีวิตที่ได้รับแจ้งให้เตรียมเงินเผื่อถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งจะเดินทางมาไทยในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้

ส่วนการออกหมายจับ เชื่อว่าสามารถออกได้แน่นอนหลังพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิตแน่ชัดแล้ว โดยผู้บังคับบัญชาจะเร่งรัดผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกับสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว หากตรวจดีเอ็นเอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผ่านชิ้นส่วนศัลยกรรม ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการศัลยกรรมในไทย หรือทำมาจากจีน

ญาติสาวจีนยื่นหนังสือให้ไทยส่งเรื่องให้จีนดำเนินคดี ตร.รอผลDNAก่อนออกหมายจับ

ญาติสาวจีน เข้าพบตำรวจเร่งรัดคดี เอาผิดชายต้องสงสัย ยื่นหนังสือให้ไทยส่งเรื่องให้จีนดำเนินคดี ด้านตร.รอผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ก่อนออกหมายจับ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 ก.ค.2567 ครอบครัวของน.ส.เหยียน รุ่ยหมิน หญิงชาวจีนที่หายตัวไป พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เข้าพบ พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผบก.น.6 และพ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.บางรัก เพื่อขอทราบรายละเอียดของคดี และแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทุกนายที่ร่วมคลี่คลายคดี

โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนยังเป็นตัวแทนครอบครัว ในการเข้ามายื่นคำร้อง ขอให้ทางตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดี และทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิด นายชิงเหยียน ชายผู้ต้องสงสัย ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน

ทั้งนี้ ญาติได้แจ้งความดำเนินคดีผ่านทางสถานทูตจีนไปแล้ว เนื่องจากต้องการให้ทางการจีนเป็นผู้ดำเนินคดีเอง เพราะโทษของกฎหมายจีน แรงกว่าโทษของกฎหมายไทย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต

ขระที่ พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่าทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังยื่นคำร้องขอให้ทางตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดีและทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้ก่อเหตุ ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน

เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ไปแจ้งความกับตำรวจจีนแล้ว แต่ตำรวจจีนยังไม่รับแจ้งความ ดังนั้นเมื่อตำรวจไทยสามารถพิสูจน์ทราบยืนยันดีเอ็นเอผู้เสียชีวิตได้แน่นอนแล้ว และสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัย ทางครอบครัวขอให้ส่งหนังสือรายงานเป็นหลักฐานไปยังสถานทูตจีน

จากนั้นสถานทูตจีนก็จะประสานกับทางการจีนต่อไป ว่าจะทำการสอบสวนเองหรือไม่ หรือจะช่วยจับและส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยก็ได้ ตามข้อตกลงความร่วมมือกันระหว่างประเทศที่ได้มีการลงนามกันไว้

โดยวันนี้พนักงานสอบสวนจะร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน สอบปากคำครอบครัวผู้เสียชีวิต ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องสงสัยกับผู้เสียชีวิต, เรื่องประกันชีวิต และการได้รับผลประโยชน์ ซึ่งทางครอบครัวยืนยันว่า ไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยมาก่อน และไม่ทราบสาเหตุที่ลูกสาวตัวเองเดินทางมาประเทศไทยด้วย

ส่วนของคดี พนักงานสอบสวนยังคงให้น้ำหนักแรงจูงใจในการก่อเหตุ เป็นเรื่องความขัดแย้งเชิงชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนการเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นเป็นเพียงเรื่องที่เพื่อนผู้เสียชีวิต คิดเผื่อสถานการณ์ไว้ให้ครอบครัวเตรียมพร้อม หลังผู้เสียชีวิตหายตัวไปเท่านั้น

ยังไม่พบหลักฐานการเรียกค่าไถ่ที่ชัดเจน และจะรอสอบปากคำพี่เขยของผู้สูญหาย ที่ได้รับแจ้งให้เตรียมเงิน เผื่อถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งจะเดินทางมาไทยในวันที่ 18 ก.ค.นี้

ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยอีกว่า สามารถออกหมายจับได้แน่นอน หลังพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิต แน่ชัดแล้ว โดยผู้บังคับบัญชาจะเร่งรัด ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ กับสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว หากตรวจดีเอ็นเอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผ่านชิ้นส่วนศัลยกรรม ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการศัลยกรรมในไทย หรือทำมาจากจีน